เชื่อว่าหลาย ๆ คนในที่นี้คงรู้จัก เฌอปราง อารีย์กุล หรือ เฌอปราง BNK48 ในฐานะไอดอลผู้เป็นทั้งกำลังใจและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของหลาย ๆ คนกันเป็นอย่างดีแล้ว ในวาระการกลับมาอีกครั้งของ FameLab Thailand 2020 เรามีโอกาสได้นั่งคุยกับเฌอปราง BNK48 ถึงการเติบโต ประสบการณ์จากวันแรกที่เธอสนใจเป็นกระบอกเสียงด้านวิทยาศาสตร์ จนปีนี้เป็นปีที่ 3 ของการเป็น FameLab Ambassador ไปดูกันว่าเฌอปรางในวันนี้มีบทเรียนอะไรจากประสบการณ์ของเธอที่เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้บ้าง รวมถึงทางเดินในอนาคตที่เธอตั้งใจวางเอาไว้

อยากให้เฌอปรางลองนิยามความเป็นตัวเองในทุกวันนี้

เป็นคนสบาย ๆ มากขึ้น ไม่เครียดกับตัวเองเท่าแต่ก่อน แต่ไม่เหลาะแหละ ตอนเข้าวงใหม่ ๆ น่าจะตึงกว่านี้ เรามีประสบการณ์มากขึ้น โปรมากขึ้น จำอะไรได้ไวขึ้น จำท่าเต้นเก่งขึ้น อาจจะไม่ได้เก่งเท่าคนอื่น แต่ก็ดีใจมากแล้ว (ยิ้ม)

การเป็นกัปตันวงให้อะไรกับเฌอปรางบ้าง

เราได้เข้าใจหลาย ๆ อย่างมากขึ้นและทำใจง่ายขึ้น ได้ชื่อว่าเป็นประสบการณ์ทำงานที่ได้ lead อย่างบางครั้งเวลาเกิดปัญหาเราก็ต้องเป็นคนช่วยตัดสินใจ มันฝึกให้เราตัดสินใจได้เด็ดขาดขึ้น รวมถึงเห็นอกเห็นใจคนมากขึ้นด้วย เรารู้ว่าตอนไหนควรจะทำแบบไหน ตอนไหนควรจะปล่อย เหมือนเราเป็นตรงกลางระหว่างเมมเบอร์กับผู้บริหาร

เป้าหมายในปี 2020 ของเฌอปรางคืออะไร

ถ้ากับวง เฌอว่าตัวเองได้ Achieve อะไรหลาย ๆ อย่างแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มไปช่วยในเรื่องดันเด็กรุ่นต่อไป เตรียมความพร้อมของวงในรุ่นต่อไป ส่วนเป้าหมายอื่นในปีนี้คืออยากได้ภาษามากขึ้น เรื่องภาษาเป็นเรื่องที่เราไม่ถนัดเลยแม้แต่น้อย ยังคงมีคลังคำศัพท์น้อย แต่รู้สึกว่าภาษาทำให้เรามีเพื่อนมากขึ้น ทำให้เราเข้าใจวัฒนธรรมต่าง ๆ พอเราอยากจะไปเปิดโลกใหม่ ๆ เราก็ต้องเรียนภาษา คือในอนาคตช่วงอายุประมาณ 30-40 ปีเฌออยากไปเรียนต่อ ไม่ใช่อยากเรียนอย่างเดียวแต่อยากไปเที่ยว ไปเปิดโลกด้วย ไปอยู่ 2 ปีในประเทศนั้น ๆ ได้เห็นโลกเห็นวัฒนธรรม ลองอยู่กับคนกลุ่มใหม่ๆ ส่วนความฝันสูงสุดในชีวิตคืออยากมีบ้านที่เราสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในบ้านนั้น

จากที่บอกว่ารู้สึก Achieve หลาย ๆ อย่างในฐานะเมมเบอร์แล้ว แล้วต่อไปจะหา Passion ในการทำงานตรงนี้อย่างไร 

Passion ก่อนเข้าวงคือชอบ 48 ปัจจุบันก็ยังใช้ 48 เป็น Passion ในการทำงานกับวง เพราะบางทีก็เคว้งเหมือนกัน เราไม่ได้อยากเป็นศิลปิน นักร้อง นักเต้น ขนาดนั้น แต่เราชอบการเป็นไอดอล ชอบที่เขามาอยู่ด้วยกัน พอเห็นหลาย ๆ คนแสดงบนเวทีพร้อมกันมันเป็นความสดใสบางอย่าง เราชอบดู เต้นสวยจัง พร้อมกันจัง มันดูเป็นความร่วมแรงร่วมใจกัน เราชอบตรงนั้น แล้วพอได้มาเป็นคนแสดงเองก็เป็นอีกความรู้สึกหนึ่ง พอมีคนมองเราแล้วสนุกไปกับเรา เราก็แฮปปี้ ทำให้เรายังชอบ อยากทำตรงนี้ให้ดีที่สุด มันเป็นสิ่งที่เราเลือก 

"Passion ก่อนเข้าวงคือชอบ 48 ปัจจุบันก็ยังใช้ 48 เป็น Passion ในการทำงานกับวง" 

รู้จักเฌอปรางในมุมของการเป็นไอดอลกันแล้ว มาที่เรื่องวิทยาศาสตร์กันบ้างดีกว่า ช่วงแรกเฌอปรางเคยให้สัมภาษณ์ว่าอยากเป็นกระบอกเสียงด้านงานวิทยาศาสตร์ เล่าให้ฟังหน่อยว่าทำไมถึงอยากทำหน้าที่นั้น

เฌอสนใจด้านวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ได้ฉลาดขนาดเป็นนักวิทยาศาสตร์เอง ไม่ได้เป็นคนที่มีไอเดียปิ๊งขึ้นมา เฌอแค่ follow ตามคนที่มีไอเดียทัน ก็เลยคิดว่าถ้าวันหนึ่งเรามีชื่อเสียง เราจะพอช่วยอะไรตรงนี้ได้ไหม เพราะเห็นว่าคนที่ทำงานด้านนี้มันเป็นสังคมที่ยังเล็กอยู่ เนื้อหาบางอย่างน่าจะกระจายไปได้มากกว่านี้ ถ้าเฌอสามารถทำให้น้อง ๆ อยากเรียนวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นได้ก็ดีใจมาก เพราะบางคนพอไปเรียนถึงได้รู้ว่าตัวเองถนัดวิทยาศาสตร์เหมือนกันนะ เราจะได้มีจำนวนนักวิจัยเพิ่มขึ้น จริง ๆ อยากส่งเสริมด้านการศึกษาโดยรวมด้วย ไม่ใช่เรื่องวิทยาศาสตร์อย่างเดียว เพียงแต่สายที่เฌอเดินมามันเป็นวิทยาศาสตร์

รู้สึกอย่างไรตอนที่เราติดต่อให้มาร่วมเป็น FameLab Ambassador 

ดีใจค่ะ เราได้เป็นกระบอกเสียงแล้ว พอได้เป็นส่วนหนึ่งก็ยิ่งได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น มีอาชีพที่เรียกว่า Science Communicator เล่าวิทยาศาสตร์ให้คนอื่นฟัง หรืออย่างได้เห็นเจ้าของงานวิจัยที่ฝึกฝนจนสามารถนำเสนอเองได้ขนาดนี้โดยไม่ต้องผ่านอีกคนหนึ่งคือมันสุดยอดมาก

หน ๆ ก็พูดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้จาก FameLab แล้ว ลองวิเคราะห์เทคนิคการนำเสนอที่ดีจากที่ได้เห็นมา

รู้สึกว่ามันมีหลายองค์ประกอบมากที่ทำให้คนสนใจเรื่อง ๆ หนึ่ง มันต้องมีทั้งท่าทาง น้ำเสียง ต้องอินกับเรื่องที่พูด การเรียบเรียงข้อมูลมาก่อน ภาพลักษณ์ ความสนุกสนาน ต้องเป็นมุกที่คนเข้าใจด้วยนะ และที่สำคัญคือยิ่งทำให้เห็นภาพเท่าไหร่ยิ่งเข้าใจง่ายมากขึ้น ซึ่งวิธีการใช้การพูดใน FameLab สามารถนำไปใช้ได้กับทุกเรื่อง แต่เวลาจำกัดมากเลย 3 นาทีเอง คนที่พูดได้คือสุดยอด ถ้าเขาทำได้เขาก็สามารถเอาไว้ใช้เสนอขอทุนงานวิจัยได้ด้วย

ตั้งแต่ฟัง FameLab มาเรื่องไหนที่รู้สึกว้าวที่สุด

เฌอชอบของปีที่แล้ว ผู้ชนะเลิศ FameLab International เป็นอะไรที่ประทับใจจนทุกวันนี้ก็ยังนึกถึง คือมีทั้งสาระที่ลึกมากเกี่ยวกับคลื่นต่าง ๆ แล้วเขายังสามารถดึงความสนใจให้ทั้งฮอลล์เงียบฟังได้ แบบว้าว You inspire me! อยากเป็นนักสื่อสารแบบนี้ได้บ้าง ซึ่งเรื่องการสื่อสารเป็นสิ่งที่เฌอรู้สึกว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอ เป็นสิ่งที่อยากพัฒนาเพื่อให้อยู่ในจุดตรงนี้ได้ดีขึ้น  

ตอนนี้เฌอกำลังสนใจวิทยาศาสตร์ด้านไหน หรือเรื่องอะไรเป็นพิเศษ

น่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยี แต่ไม่ได้เจาะจงอันใดอันนึง เรียกว่าเราเป็นคนทั่วไปที่พยายามจะตามให้ทันว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้บ้างดีกว่า คือเฌอว่าเทคโนโลยีทุกวันนี้มันพัฒนาเร็วมาก หลาย ๆ อย่างเพิ่งมาไม่กี่ปีเอง แต่มาไวมาก จนเราต้องเควสชั่นมาร์คใส่ใหญ่ ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่สนใจก็คือเรื่องอวกาศ เพราะกำลังจะได้ไปเข้าค่ายของ NASA บวกกับความฝันที่อยากไปอวกาศ ก็เลยอินอยู่เหมือนกัน 

"ถ้าเฌอสามารถทำให้น้อง ๆ อยากเรียนวิทยาศาสตร์เพิ่มขึ้นได้ก็ดีใจมาก เพราะบางคนพอไปเรียนถึงได้รู้ว่าตัวเองถนัดวิทยาศาสตร์เหมือนกันนะ" 

สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าแฟน ๆ ประทับใจในตัวเฌอปราง นั่นคือการจัดการเวลา เพราะช่วงที่ผ่านมาทั้งทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย แถมจบเกียรตินิยม แชร์ให้ฟังหน่อยว่าจัดการเวลาอย่างไร 

หลัก ๆ เลยคือลงตารางเวลา แล้วก็จดค่ะ กันลืม เฌอเป็นคนขี้ลืมก็เลยจดมันทุกอย่างเลย เขียนไปเลยว่าวันพรุ่งนี้ต้องทำอะไรให้เสร็จบ้าง มันทำให้เรามองเห็นว่าเราใช้เวลากับอะไรไปบ้างและยังเหลือเวลาว่างไหนช่วงไหน แล้วจัดลำดับความสำคัญ เช่น เรียนบางอย่างจะเท่าทำงานหรืออยู่เหนือทำงาน นั่นคือสอบ แต่อื่น ๆ ก็คือทำงานมาก่อน โชคดีที่เรื่องการเรียนทุกคนเข้าใจ อาจารย์ค่อนข้างส่งเสริม เขาเชื่อมั่นว่าหนูรับผิดชอบตัวเองได้ เวลาไหนที่ว่างจากการทำงานเราก็มาเสริมให้การเรียน 

แล้วถ้าสมมติมีเฌอปรางอีกคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ข้าง ๆ กัน เป็นเฌอปรางตอนอายุ 20 อยากจะบอกอะไรตัวเองไหม

ตอนนั้นเราคงไม่ฟังขนาดนั้น (หัวเราะ) อาจจะต้องเจอเอง อาจจะทิ้งคำถามไว้ให้ว่า ทำอะไร เพื่ออะไร เพราะอะไร จะได้ไม่ burn out มีช่วงที่เฌอ burn out หนักมาก ๆ ว่าทำอะไรอยู่ มีเหตุผลกับการกระทำบ้าง ไม่ใช่ทำตามอย่างเดียว ซึ่งถ้าตอบตัวเองตั้งแต่แรกก็คงไม่ต้องเจอช่วง burn out แบบนั้น 

จากที่ได้เรียนรู้ชีวิตในช่วงที่ผ่านมา มีอะไรอยากแชร์ให้คนรุ่นใหม่ หรือคนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงานไหม

ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม มันมีเส้นทางที่เหมาะกับคุณ ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่ตัดสินใจและเลือกที่จะทำ ตัดสินใจตามความรู้สึกได้ก็ดี แต่อยู่บนพื้นฐานของเหตุผล เราอาจจะเห็นคนนู้นคนนี้ประสบความสำเร็จ หรือได้ทำนู่นทำนี่ แล้วเกิดความรู้สึกบางอย่างกับตัวเอง อยากให้รู้ว่ามันมีเส้นทางให้คุณได้ทำอีกเยอะ ไม่ต้องรีบก็ได้ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปก็ได้ ถ้าไหวก็ทำ ถ้าไม่ไหวก็พัก ไม่ต้องแบบกดดันตัวเองจนจิตตก เพราะสุดท้ายถึงจะประสบความสำเร็จแต่จิตใจมันแย่ไปแล้วก็แย่ไปเลย 

"มันมีเส้นทางที่เหมาะกับคุณ ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่ตัดสินใจและเลือกที่จะทำ" 

คำถามสุดท้าย เส้นทางของเฌอปรางต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร

จริง ๆ ช่วงนี้ก็เคว้งนิดหน่อย เพราะไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาแล้ว ปกติมัธยมฯจบเราก็รู้ว่าต้องไปมหาลัยฯ  แต่อันนี้มันไม่มีแล้ว ต้องมาถามตัวเอง อยู่ตรงไหน ทำอะไรต่อ เป็นช่วงหาเป้าหมายในระยะ 3 ปี 5ปี แต่สุดท้ายแล้วเฌอเต็มที่กับหน้าที่ในวงนะ มีความสุขกับการได้เต้นได้แสดง ได้ฝึกตัวเองผ่านการร้องการเต้น เพราะเฌอก็ทำไม่ได้มาก่อน พอทำได้ก็รู้สึกสนุกดี ค่อย ๆ ดีขึ้น แต่นี่ก็ใช้เวลา 3 ปี กว่าจะได้ขนาดนี้ อยากจะรู้เหมือนกันว่าปีหลัง ๆ เราจะเป็นยังไง (ยิ้ม)

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง