ใครจะคิดว่า ‘วุ้นมะพร้าว’ ของหวานแสนอร่อยที่คนไทยเราคุ้นเคยกัน จะสามารถเปลี่ยนรูปจนกลายเป็นโฟมคาร์บอนที่มีความสามารถในการดูดคราบน้ำมันจากแหล่งน้ำเสียได้ และนี่คือความรู้ใหม่ ๆ ที่เราได้เรียนรู้จาก รศ.ดร.สุปรีดิ์ พินิจสุนทร หรือ อาจารย์ดิว ผู้ที่นอกจากจะเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้ว ยังเป็นนักวิจัยด้านวัสดุศาสตร์ และแชมป์นักสื่อสารวิทยาศาสตร์คนล่าสุดของประเทศไทย จากเวที FameLab Thailand 2020 พร้อมกับทุน Research Award เพื่อต่อยอดงานวิจัยชิ้นนี้
ปัญหาคราบน้ำมันในประเทศไทยมีมากขนาดไหน
ปัญหาคราบน้ำมันของไทยเป็นปัญหาที่พบเห็นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะในทะเลก็มี ในแม่น้ำ ในแหล่งน้ำธรรมชาติ จากโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรม ร้านอาหาร ที่หาดูได้ง่าย ๆ เลยคือจากครัวเรือนที่อยู่ริมน้ำ เวลาล้างจานหรือว่าทำกับข้าวเสร็จ เขาก็เทลงแหล่งน้ำธรรมดา ส่งผลต่อชีวิตของสัตว์น้ำรวมถึงคนที่จะเอาแหล่งน้ำธรรมชาติไปใช้งานต่อ
ทำไมสนใจเรื่องนี้
ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่ปัญหาคราบน้ำมันที่รั่วไหลมันเป็นปัญหาใหญ่มากของโลก ทุกปีมันจะมีน้ำมันไหลสู่แหล่งน้ำธรรมชาติเยอะมาก และวิธีกำจัดในปัจจุบันเขาก็มีวิธี เช่น เผา ถ้ามีคราบน้ำมันอยู่บนผิวน้ำก็เผาเลย ก็อาจจะเปลี่ยนมลพิษทางน้ำเป็นมลพิษทางอากาศแทน เราก็เลยอยากหาวิธีที่มันจะดีกว่านี้อย่างใช้วัสดุดูดซับ แต่ปกติวัสดุดูดซับทั่ว ๆ ไปอาจจะยังไม่ดีพอ เช่น กระดาษ กระดาษจะซับทั้งน้ำและน้ำมัน แล้วมันก็จะเปื่อยยุ่ย หรือพวกฟองน้ำก็เหมือนกัน ก็ดูดซับทั้งน้ำและน้ำมัน ก็เลยจะต้องหาวัสดุที่มันซับเฉพาะน้ำมัน จากงานวิจัยที่ผ่าน ๆ มาก็พบว่าคาร์บอนเนี่ยดูดน้ำมันได้ดีมากและไม่ดูดน้ำ คราวนี้ถ้าอยากให้มันดูดน้ำมันเยอะ ๆ เนี่ย จะต้องเพิ่มพื้นที่ผิวมัน ให้มันเจอกับน้ำมันเยอะ ๆ ซึ่งการจะทำให้วัสดุมีพื้นที่ผิวเยอะ ก็คือมีโครงสร้างเป็นแบบนาโน คือข้างในจะเป็นเหมือนโฟม เหมือนมีโพรงอากาศเล็ก ๆ อยู่เต็มไปหมด ยิ่งเล็กเท่าไหร่ก็ยิ่งดูดน้ำมันได้ดี
แล้วแบบนี้งานวิจัยของอาจารย์ดิวแตกต่างงานวิจัยคาร์บอนดูดซับน้ำมันของคนอื่นอย่างไร
งานวิจัยเรื่องนี้ผมก็ไม่ใช่คนแรกในโลกแน่ ๆ ก็มีแล็บทั่วโลกแข่งกันทำเยอะแยะ เราสามารถหาคาร์บอนได้หลายแหล่ง วัสดุทุกชนิดถ้าเอาไปเผาจะเป็นคาร์บอนอยู่แล้ว ความแตกต่างคือของผมเริ่มใช้เป็นแบคทีเรียเซลลูโลสหรือวุ้นมะพร้าว ที่ใช้วุ้นมะพร้าวเพราะว่าสมมติในอนาคตเราอยากทำให้มันสเกลใหญ่ขึ้น วุ้นมะพร้าวสามารถผลิตได้ในประเทศไทยในปริมาณที่เยอะ และตัววุ้นเองเป็นเส้นใยระดับนาโนโดยธรรมชาติ ถ้าถามว่าใช้ได้หรือยัง ทั่วโลกยังไม่มีใครที่ใช้ได้จริง ๆ ส่วนมากทำแข่งกันในแล็บสเกล อนาคตผมก็อยากจะขยายกำลังผลิตให้มากขึ้น แล้วใช้กับแหล่งน้ำจริง ๆ ให้ได้