Aberystwyth University
เมือง: Aberystwyth
ภูมิภาค: เวลส์
ประวัติความเป็นมาของมหาวิทยาลัย Aberystwyth เป็นหนึ่งในเรื่องราวโรแมนติค กล้าหาญ และถือเป็นประวัติยุคใหม่ของแคว้นเวลส์อย่างแท้จริง โดยเรื่องราวเริ่มมาจากกลุ่มผู้รักชาติจำนวนหนึ่งนำโดยนายฮิว โอเวน ชาวเวลช์ที่อาศัยอยู่ในลอนดอน ซึ่งมีการบันทึกเรื่องราวของเขาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1850 เป็นต้นมา ได้รวบรวมทุนจากสาธารณะและหน่วยงานรัฐบาลมาเพื่อตั้งสถาบันการเรียนที่มีวิทยฐานะเทียบเท่ามหาวิทยาลัยในแคว้นเวลส์ขึ้น ซึ่งเป็นความตั้งใจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ต่อมา มหาวิทยาลัยแห่งนี้ได้ถูกเปิดขึ้นในปี ค.ศ. 1872 โดยใช้อาคารของโรงแรมริมชายหาดเมืองอะเบอริสวิธที่สร้างเสร็จไปเพียงครึ่งเดียว ในขณะนั้นมีนักเรียนที่ไม่ได้มีพื้นฐานการเตรียมตัวที่ดีเลยอยู่ 26 คน และครู 3 คน
ในช่วง 10 กว่าปีแรกที่ของมหาวิทยาลัยนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบาก และการดิ้นรนเพื่ออยู่รอด จนกระทั่งมีกลุ่มผู้บริจาคจำนวนหนึ่งหยิบยื่นความช่วยเหลือโดยร้องขอการสนับสนุนจากกลุ่มคนอื่นๆ ในเวลส์ เพื่อทำให้สถาบันยังอยู่ได้ และที่สำคัญมากไปกว่าการดำรงอยู่ของสถาบัน คือการหยั่งรากความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างคน และสถาบันลงไปในจิตใจของคนเวลช์ทุกคน สิ่งที่มหาวิทยาลัยมีความภาคภูมิใจมากที่สุดคือการให้การศึกษากับสตรี โดยเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกๆ ที่รับนักศึกษาที่เป็นผู้หญิง
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 เป็นต้นมา มหาวิทยาลัยได้ย้ายไปอยู่ที่วิทยาเขตใหม่ในเมืองเพนไกลส์ ซึ่งมีภูมิประเทศที่ดีกว่า เห็นทัศนียภาพอันงดงามของเมืองอะเบอริสวิธและมหาสมุทร อาคารเรียนใหม่ รวมถึงอาคารของคณะศิลปะและการพัฒนาวิทยาศาสตร์ หอพักนักศึกษา และศูนย์ศิลปะที่สวยงาม และสิ่งอำนวยความสะดวกทางกีฬาที่ยอดเยี่ยม ในปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการลงทุนก่อสร้างสถาบันชีววิทยา วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและชนบท นอกจากการขยายตัวด้านสิ่งก่อสร้างและจำนวนนักศึกษาแล้วนั้น มหาวิทยาลัย Aberystwyth ก็ยังคงไว้ซึ่งความเป็นมิตร ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของนักศึกษา และมาตรฐานวิชาการอันยอดเยี่ยม
ในปี 2007 สถาบันการศึกษาและมหาวิทยาลัยต่างๆ ในเวลส์ก็ได้รับการปรับสถานะใหม่เป็นสถาบันและวิทยาลัยอิสระ แต่ยังคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งได้มีการประกาศไว้ในวัน St David’s Day ในปี 2009 ถึงความสัมพันธ์ของมาหวิทยาลัย Aberystwyth กับมหาวิทยาลัยชั้นนำอีก 4 แห่งในเวลส์ ซึ่งมหาวิทยาลัยเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์ของชาติ ที่กำลังก้าวไปข้างหน้าต่อไปอย่างมั่นใจ