พฤหัสบดี 21 พฤศจิกายน 2019

บริติชเคานซิลดึงผู้เชี่ยวชาญจากสหราชอาณาจักร ถอดบทเรียนกลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมอาหาร และแลกเปลี่ยนความรู้จากเทคโนโลยีการมองอนาคต 10-15 ปี ด้าน "ฟู้ดอินโนโพลิส" ต่อยอดความรู้สองแผ่นดิน กำหนดโรดแมพทิศทางอุตสาหกรรมอาหารสู่สากล

แอนดรูว์ กลาส ผู้อำนวยการ บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่าข้อมูล สภาเศรษฐกิจโลก World Economic Forum (WEF) ชี้ว่าสหราชอาณาจักรจัดอยู่ในอันดับ Top 10 ที่มีความโดดเด่นในการทำงานร่วมกันของภาคการศึกษากับเอกชน จนเกิดการใช้ได้จริงในอุตสาหกรรม จึงจะนำมาเป็นโมเดลความร่วมมือดังกล่าวมาผลักดันใช้ในประเทศไทย เบื้องต้นจะโฟกัสไปที่อุตสาหกรรมอาหารไทย เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในระดับสากล

สวทช.วางกรอบโรดแมพอุตฯอาหาร

อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ ผู้อำนวยการโครงการเมืองนวัตกรรมอาหาร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า หลังจากได้ทำงานร่วมกันกับบริติช เคานซิล และทำเวิร์คชอปการมองอนาคต (Foresight) กับผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแครนฟิลด์ สหราชอาณาจักร จึงนำองค์ความรู้ที่ได้มาพัฒนาเป็น 4 กลยุทธ์ของโรดแมพพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร ประกอบด้วย

1.สร้างแพลตฟอร์มระดับชาติเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและยั่งยืน 2.ลงทุนกับงานวิจัยและนวัตกรรมด้านอาหารเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี รวมไปถึงนวัตกรรมอาหารที่ทันสมัยและยั่งยืน 3.สร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนการเติบโตของธุรกิจเอสเอ็มอี จากระดับท้องถิ่นสู่ระดับนานาชาติ และ4.ส่งเสริมภาพลักษณ์และเอกลักษณ์ของอาหารไทยในระดับนานาชาติ

นอกจากนี้ หลังจากที่ได้ศึกษารูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคธุรกิจในสหราชอาณาจักร ในประเด็นการประเมินคุณภาพทางสัมผัส และพฤติกรรมผู้บริโภค ทางเมืองนวัตกรรมอาหารได้ร่วมผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันในประเทศไทย อย่างเช่น ความร่วมมือของ บมจ.ไทยยูเนี่ยนกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แชร์องค์ความรู้ด้านการประเมินประสาทสัมผัสขั้นสูง (advance sensory evaluation)

รวมทั้งการสนับสนุนของ บมจ.เอ็มเค เรสโตรองค์ ในการพัฒนาห้องปฏิบัติการ ด้านประสาทสัมผัส (sensory lab) ตามโมเดลของอังกฤษ และแบ่งปันพื้นที่นี้แก่มหาวิทยาลัยไทยเพื่อใช้ศึกษาเรียนรู้ และพัฒนางานวิจัย รวมไปถึงยังมีอีกหลากหลายมหาวิทยาลัยที่มีแผนใน การประยุกต์ใช้ศาสตร์ด้านประสาทวิทยาเพื่อใช้เป็นหลักในการพัฒนาอาหารจากพฤติกรรมผู้บริโภค

ด้าน แอนดรูว์ กลาส ผู้อำนวยการ บริติช เคานซิล ประเทศไทย กล่าวว่า บริติชฯ มองเห็นโอกาสจากความร่วมมือระหว่างสหราชอาณาจักรกับไทย เทียบเคียง กับความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคธุรกิจหลากหลายรูปแบบในสหราชอาณาจักร จึงเดินหน้าโครงการ "University-Industry Links" เชื่อมโยง การทำงานระหว่างสถาบันอุดมศึกษาและ ภาคธุรกิจ โดยร่วมมือกับเมืองนวัตกรรมอาหาร

จากการคาดการณ์ว่า การเกษตรของ สหราชอาณาจักรจะเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน วิธีการแก้ปัญหาของมหาวิทยาลัย คือสร้างหุ่นยนต์เก็บสตรอว์เบอร์รี และใส่เซนเซอร์เพื่อตรวจสอบผลผลิตที่เหมาะแก่การเก็บเกี่ยว และนี่คือแนวทางที่จะนำโมเดลเหล่านี้มาร่วมพัฒนาในประเทศไทย โดยจะเน้นการแชร์องค์ความรู้ และแนะนำรูปแบบการทำงานที่ประสบความสำเร็จ เพื่อนำมาเป็นแนวทางในการปรับใช้และพัฒนาอุตสาหกรรมอาหาร

2 นวัตกรรมจากความร่วมมือ

สำหรับผลงานนวัตกรรมด้าน ประสาทวิทยา ที่มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรได้ทำงานวิจัยต่อยอด เพื่อประยุกต์ใช้ในการพัฒนาศักยภาพอาหารด้วยหลักการตลาด ได้แก่ ห้องทดสอบรูป รส กลิ่นของอาหาร (Sensory Testing Room) ถูกออกแบบปิดเพื่อลดการรบกวนจากปัจจัยอื่นๆ อาทิ อุณหภูมิ กลิ่น แสงไฟ โดยใช้ซอฟต์แวร์และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ในการประเมินทดสอบคุณภาพอาหาร ด้านรสชาติ กลิ่น และลักษณะการมองเห็น กายภาพร่วมด้วย

ขณะที่ "แว่นตาตรวจจับโฟกัสสายตา" (Eye Tracking Glasses) เทคโนโลยีเรียนรู้พฤติกรรมการมอง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์สัมผัสขั้นสูงโดยการใช้เอไอช่วยตรวจจับการมองจุดโฟกัส ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของพฤติกรรมมนุษย์และการพัฒนาส่วนต่อผสานกับผู้ใช้ (User interface)

ทั้งห้องทดสอบรูป รส กลิ่น อาหาร (Sensory Testing Room) และแว่นตาตรวจจับโฟกัสสายตา (Eye Tracking Glasses) ตัวอย่างงานวิจัยที่เกิดจาก ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยและภาคธุรกิจ ในสหราชอาณาจักร เพื่อใช้ประเมินคุณภาพทางการสัมผัสและการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค ที่จะต่อยอดสู่การพัฒนา ผลิตภัณฑ์และอาหาร พร้อมเตรียมสานความร่วมมือมหาวิทยาลัย-ภาคธุรกิจไทยผ่านทางเมืองนวัตกรรมอาหาร เดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารประเทศไทยตามโมเดลอังกฤษ สู่การพัฒนากลยุทธ์โรดแมพอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ภารกิจ บริติช เคานซิล ช่วงปี 2559-2563 ไม่ได้มีเฉพาะเรื่องการเรียนการสอนภาษา แต่ประกอบด้วย 3 เสาหลัก ได้แก่ ยกระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษ การพัฒนาการศึกษาต่อขั้นอุดมศึกษาและวิทยาศาสตร์สู่ความเป็นสากล และ การสร้างเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ซึ่งบริติช เคานซิลให้น้ำหนักเท่าๆ กันใน การทำงานเพื่อสานสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับสหราชอาณาจักร ซึ่งไม่ใช่แค่การถ่ายทอดความรู้จาก สหราชอาณาจักรมาที่ไทย แต่ได้องค์ความรู้ จากประเทศไทยไปเผยแพร่ในสหราชอาณาจักรเช่นกัน

'ศาสตร์พยากรณ์'ส่องเทรนด์อนาคต

ศ.โรนัลด์ คอร์สตานจ์ หัวหน้าศูนย์สารสนเทศการเกษตรและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแครนฟิลด์ กล่าวว่า Foresight คือวิธีการที่ใช้ดูว่า ปัญหาที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอีก 10-15 ปี คืออะไร และจะมาพร้อมกับวิธีการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็น ด้านสภาพแวดล้อม ดีมานด์ซัพพลาย

วิธีการทำ Foresight หรือการดูอนาคตมีหลักการจำนวนมาก แต่สิ่งที่แครนฟิลด์นำมาใช้เทรนด์ในประเทศไทย แบ่งเป็น 4 ด้านคือ 1. Horizon scanning การดูบริบทโดยรอบ 2. Visioning เป้าหมายที่ใช้กำหนดทิศทางแนวทางการวางกลยุทธ์ให้สอดรับกับเทรนด์ในอนาคต 3.Roadmap การวางโรดแมพ 4.ประเมินโรดแมพที่นำมาใช้ หาแนวทางต่อยอดปรับปรุง

"ศาสตร์การวิเคราะห์เทรนด์อนาคตนี้ แครนฟิลด์เป็นหนึ่งใน มหาวิทยาลัยที่โดดเด่น เนื่องจากค่อนข้างเป็นวิชาเชิงลึก เปิดสอน ในระดับปริญญาโท บางครั้งมีการทำเทรนนิ่งสำหรับองค์กรที่อยากให้ไปช่วยเทรนด์ นอกจากการสอนแล้วจะช่วยดูทิศทาง ขณะเดียวกันการร่วมมือกับเมืองนวัตกรรมอาหารของไทยนั้นจะเป็น "การสร้างคน" เพราะหากสามารถรู้อนาคตได้ก็จะทำให้คนมีสกิลไปต่อยอดใช้ในสาขาอื่นๆ ได้เช่นกัน"

ส่วนใหญ่ระบบการทำงานของ foresight ที่เกี่ยวกับฟู้ดโรดแมพ นั้นจะเน้นด้านการใช้เอไอ เศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีด้านเกษตรกรรม ซึ่งในอนาคตเตรียมจะนำ Foresight รูปอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล จะทำให้เราเห็นเทรนด์อนาคตได้ถูกต้องมากขึ้น รู้ว่าจะมีผลกระทบ อะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อสร้างนวัตกรรมมาแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว โดยการผสานรวมกับนวัตกรรมต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว

ไม่ใช่แค่การถ่ายทอดความรู้จากอังกฤษมาที่ไทย แต่ได้องค์ความรู้จากไทยกลับไปเผยแพร่เช่นกัน