By Colm

10 Dec 2024 - 01:07

นักเรียนวัยผู้ใหญ่เรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษที่ British Council

คุณศึกษากฎไวยากรณ์บ่อยแค่ไหน คุณเรียนเป็นประจำหรือไม่ หรือแทบไม่เรียนเคยเลยหรือเปล่า
องค์ประกอบพื้นฐานของการเรียนรู้ภาษาทุกภาษาคือการเรียนรู้วิธีบอกความถี่ของการกระทำต่างๆ ในภาษาอังกฤษ เรามักจะทำเช่นนี้โดยการใช้คำที่เรียกว่า ‘adverbs of frequency’ (กริยาวิเศษณ์บอกความถี่)  นี่คือตัวอย่างบางส่วนของการใช้คำดังกล่าวในประโยคภาษาอังกฤษ

a. You’re always complaining! (คุณเอาแต่บ่นตลอดเลย)

b. I am very busy, so I hardly ever have time to watch TV.
(ฉันยุ่งมาก ดังนั้นฉันจึงแทบไม่มีเวลาดูทีวีเลย)

c. The Lunar New Year holiday sometimes falls in January, but it usually falls in February.
(บางครั้งวันหยุดตรุษจีนจะตรงกับเดือนมกราคม แต่มักจะตรงกับเดือนกุมภาพันธ์บ่อยกว่า)

คุณควรใช้กริยาวิเศษณ์บอกความถี่เมื่อไร

กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ช่วยให้เราสามารถบอกได้ว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน กริยาวิเศษณ์สามารถทำหน้าที่ได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น กริยาวิเศษณ์สามารถอธิบายคำกริยาได้ (“he drives quickly”) (เขาขับรถเร็ว) หรืออธิบายทั้งอนุประโยค (“Luckily, he escaped from the accident uninjured”) (โชคดีที่เขารอดจากอุบัติเหตุโดยไม่บาดเจ็บ) กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ก็ทำหน้าที่เหล่านี้เช่นกัน แต่กริยาวิเศษณ์บอกความถี่บอกได้ว่ากริยานั้นเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน หรือทั้งอนุประโยคเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหนได้ด้วย กริยาวิเศษณ์บอกความถี่มักจะมาเป็นคำเดียวเสมอ แต่มีข้อยกเว้นหนึ่งข้อ คือคำว่า “hardly ever” (แทบจะไม่เคย)

แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้กริยาวิเศษณ์บอกความถี่คำไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน ลองใช้ตารางด้านล่างนี้เป็นตัวช่วยประกอบการตัดสินใจได้เลย:

Regularity (ความสม่ำเสมอ)

(% is approx.) (% ประมาณการ)

100% of the time (100% ของเวลา)

80 - 90% of the time (ประมาณ 80 - 90% ของเวลา)

50 - 70% of the time (ประมาณ 50 - 70% ของเวลา)

20 - 40% of the time (ประมาณ 20 - 40% ของเวลา)

5 - 10% of the time (ประมาณ 5 - 10% ของเวลา)

0% of the time (0% ของเวลา)

Adverb (กริยาวิเศษณ์)

always (เสมอ)

usually (เป็นประจำ)

often (บ่อยครั้ง)

sometimes (บางครั้ง)

hardly ever (แทบจะไม่เคย)

never (ไม่เคย)

Sample sentence (ประโยคตัวอย่าง)

Edinburgh in Scotland always has short days in winter. (เอดินบะระในสก็อตแลนด์จะมีวันที่สั้นเสมอในช่วงฤดูหนาว)

Winters in Edinburgh are usually very cold. (ฤดูหนาวในเอดินบะระมักจะหนาวจัดเป็นประจำ)

It often snows in Edinburgh in winter. (ฤดูหนาวในเอดินบะระมักมีหิมะตกบ่อยๆ)

Edinburgh sometimes has winters without snow. (บางครั้งฤดูหนาวในเอดินบะระก็ไม่มีหิมะตกเลย)

The temperature in Edinburgh hardly ever goes over 27 Celsius. (อุณหภูมิในเอดินบะระแทบจะไม่เคยเกิน 27 องศาเซลเซียส)

Edinburgh never has short days in summer. (ในฤดูร้อน เอดินบะระไม่มีวันที่สั้นเลย)

Similar adverbs (กริยาวิเศษณ์ที่คล้ายกัน)

-

normally, generally (โดยปกติ)

frequently (บ่อยครั้ง)

occasionally (เป็นครั้งคราว)

rarely, seldom (ไม่ค่อย, นานๆ ครั้ง)

-

เคล็ดลับ: การเข้าคอร์สภาษาอังกฤษที่มีการสนทนาอังกฤษเป็นวิธีที่ดีในการพัฒนาการใช้คำกริยาบอกความถี่ เพราะจะช่วยให้คุณได้ฝึกพูดและฟังภาษาอังกฤษไปในตัว ลองเรียนคอร์สภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่ของเราดูสิ: https://www.britishcouncil.or.th/english-courses/adults

 

กฎการใช้กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ในภาษาอังกฤษมีอะไรบ้าง

ในภาษาอังกฤษ กฎที่สำคัญที่สุดสำหรับกริยาวิเศษณ์บอกความถี่คือการใช้ในตำแหน่งที่ถูกต้องในประโยค โดยปกติมี 3 ตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับประเภทของกริยา:

Type of verb (ประเภทของกริยา)

The verb “to be” (กริยา “to be”)

All other verbs
(กริยาอื่นๆ ทั้งหมด)

Auxiliaries and modal verbs (กริยาช่วย)

Example (ตัวอย่าง)

You are always late. (คุณมาสายเสมอ)

I usually work on Tuesdays. (ฉันมักจะทำงานในวันอังคาร)

I have often considered becoming a vegetarian. (ฉันเคยบ่อยๆ ที่คิดว่าจะเป็นมังสวิรัติ)

 

I can never remember his name! (ฉันจำชื่อเขาไม่ได้เลย)

Position of adverb of frequency (ตำแหน่งของกริยาวิเศษณ์บอกความถี่)

After the verb “to be”. (หลังกริยา “to be”)

Before the verb.
(ก่อนกริยา)

After the auxiliary or the modal. (หลังกริยาช่วย)

กฎการวางตำแหน่งของกริยาวิเศษณ์ในภาษาอังกฤษอาจดูเหมือนไม่มีระเบียบ เหตุใดจึงต้องวางกริยาวิเศษณ์หลังกริยา “to be” (“to be”) แต่กลับวางก่อนกริยาอื่นๆ ทั้งหมด เหตุผลเป็นเรื่องของการออกเสียง เมื่อคนที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องพูดอะไรบางอย่าง พวกเขามักจะย่อคำแทบทุกครั้ง ดังนั้น ประโยค “You are late” (คุณมาสายนะ) จึงย่อเป็น “You’re late”; “I have considered” (คุณสายนะ; ฉันเคยมีความคิดว่า) ก็จะย่อเป็น “I’ve considered (ฉันเคยคิดว่า)” เป็นต้น การวางกริยาวิเศษณ์ไว้หน้ากริยาหรือหน้ากริยาช่วยอาจทำให้การออกเสียงคำย่อเป็นเรื่องยาก ดังนั้น กริยาวิเศษณ์จึงปรากฏตามหลังคำเหล่านี้ คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการเชื่อมคำในภาษาอังกฤษได้จากบทเรียนหัวข้อย่อยนี้

ข้อยกเว้นและความแตกต่างในการใช้กริยาวิเศษณ์บอกความถี่

ภาษาอังกฤษและอีกหลายๆ ภาษาใช้หลักการเดียวกันคือกริยาวิเศษณ์ไม่ใช่วิธีเดียวในการบอกถึงความถี่ คุณยังสามารถใช้สำนวนหลายคำได้อีกด้วย โดยเฉพาะสำนวนที่มีคำว่า “every” หรือ “a”:

Bradley goes to French class every Tuesday and Thursday. (Bradley ไปเรียนภาษาฝรั่งเศสทุกวันอังคารและวันพฤหัสบดี)

Tanya travels abroad at least three times a year. (Tanya เที่ยวต่างประเทศอย่างน้อยปีละสามครั้ง)

Sophie phones her grandmother once a week. (Sophie โทรหาคุณยายของเธออาทิตย์ละครั้ง)

ให้สังเกตว่าคำแสดงความถี่เหล่านี้มักจะอยู่ที่ส่วนท้ายของประโยคหรืออนุประโยค

ทีนี้ก็มาถึงส่วนที่ “น่าสนุก” กัน ในภาษาอังกฤษมีหลักเกณฑ์ทั่วไปเกี่ยวกับตำแหน่งที่ถูกต้องของกริยาวิเศษณ์บอกความถี่ในประโยค แต่บางคำก็อาจเบี่ยงเบนจากกฎเหล่านี้ได้

เมื่อผู้พูดต้องการเน้นกริยาวิเศษณ์ ก็มักจะวางไว้ที่ต้นประโยค (หรือแม้แต่ที่ท้าย) ประโยค สิ่งนี้พบได้บ่อยโดยเฉพาะกับกริยาวิเศษณ์ที่แสดงถึงความถี่ในระดับ “กลาง” เช่น usually, often, sometimes (มักจะ, บ่อยครั้ง, บางครั้ง)  มาดูประโยคต่อไปนี้กันเถอะ:

I sometimes work on Saturdays. (ฉันทำงานบางครั้งในวันเสาร์)
ประโยคนี้ถูกต้อง เพราะเป็นไปตามกฎที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก็อาจพูดได้ว่า

Sometimes, I work on Saturdays. (บางครั้งฉันก็ทำงานวันเสาร์)

การใส่คำว่า "sometimes" ไว้ที่ต้นประโยคแสดงให้เห็นว่าข้อเท็จจริงนี้ดูน่าประหลาดใจ บางทีเราอาจทึกทักไปว่าผู้พูดไม่เคยทำงานในวันเสาร์

คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลที่มีประโยชน์เพิ่มเติมเกี่ยวกับกริยาวิเศษณ์บอกความถี่และตำแหน่งการวาง 

 

วิธีหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเมื่อใช้กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ในภาษาอังกฤษ 

ในภาษาอังกฤษ กริยาวิเศษณ์บางคำสามารถวางได้หลายตำแหน่งในหนึ่งประโยค แต่คุณไม่สามารถแทรกกริยาวิเศษณ์ระหว่างกริยากับกรรมได้ดังนี้

I read often sci-fi novels. (ฉันอ่านบ่อยๆ นิยายไซไฟ) ✗ 
I often read sci-fi novels. (ฉันอ่านนิยายไซไฟบ่อยๆ) ✓ (หรือเพื่อเน้นย้ำ “Often, I read sci-fi novels.”/ “I read sci-fi novels often.”) (“บ่อยครั้งที่ฉันอ่านนิยายไซไฟ” / “ฉันอ่านนิยายไซไฟบ่อยๆ”)

กริยาวิเศษณ์ “never”, “rarely”, “seldom” and “hardly ever” มีความหมายในเชิงลบ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องใช้กริยาวิเศษณ์ดังกล่าวร่วมกับกริยาในประโยคบอกเล่า หากกริยาเป็นรูปปฏิเสธ ประโยคจะมีการใช้คำปฏิเสธซ้ำสองครั้ง เราไม่สามารถใช้คำปฏิเสธซ้ำสองครั้งในภาษาอังกฤษได้ เพราะจะเหมือนเป็นการปฏิเสธกันเองจนทำให้คนอ่านเกิดความสับสน



I don’t never buy CDs nowadays. (ฉันไม่เคยไม่ซื้อซีดีในทุกวันนี้) ✗  
I never buy CDs nowadays. (ฉันไม่เคยซื้อซีดีในทุกวันนี้) ✓

กริยาวิเศษณ์ “never” จะใช้อธิบายถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเท่านั้น ส่วนคำว่า “ever” จะใช้อธิบายถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วดังนี้

It’s the best film I have never seen. (นี่คือภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่ฉันไม่เคยดูมาก่อน) ✗
It’s the best film I have ever seen. (นี่คือภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่ฉันเคยดูมาเลย) ✓

เมื่อใช้สำนวน “have to” เพื่อแสดงถึงภาระหน้าที่ โปรดจำไว้ว่าคำว่า “have” เป็นกริยา ไม่ใช่กริยาช่วยในกรณีนี้ ซึ่งหมายความว่ากริยาวิเศษณ์มักจะวางไว้ก่อนคำว่า “have”

I have always to take a nap after a big meal. (ฉันต้องเสมอนอนหลับหลังจากมื้อใหญ่) ✗
I always have to take a nap after a big meal. (ฉันต้องนอนหลับเสมอหลังจากมื้อใหญ่) ✓

 

ตัวอย่างการใช้กริยาวิเศษณ์บอกความถี่ในภาษาอังกฤษจากภาพยนตร์ เพลง และรายการทีวี

I will always love you - เพลงชื่อดังจากยุค 1990s นี้ Whitney Houston บอกกับคนรักเธอว่าเขาจะอยู่ในใจเธอตลอดไป

We are never (ever ever) getting back together - เพลงฮิตระดับโลกของเธอในปี 2012 Taylor Swift บอกกับแฟนเก่าว่าเธอไม่อยากให้เขากลับมาเป็นแฟนอีก (ในที่นี้คำว่า “never, ever, ever” ใช้เพื่อเน้นความหมายของคำว่า “never”) เพราะเธอหมายความแบบนั้นจริงๆ

Tomorrow never dies - ภาพยนตร์ในปี 1997 เรื่องนี้เล่าถึงเรื่องราวของสายลับ 007 James Bond ที่พยายามช่วยโลกโดยการไล่ล่าผู้ร้ายที่ต้องการเริ่มสงครามโลกครั้งที่สาม 

 Forrest Gump - ในภาพยนตร์ปี 1994 เรื่องนี้ ตัวละครหลักอย่าง Forrest พูดประโยคอันโด่งดังว่า “My mama always said that life was like a box of chocolates - you never know what you’re going to get.”

แบบทดสอบย่อย

ประโยคด้านล่างแต่ละประโยคมีข้อผิดพลาดอยู่หนึ่งข้อ จงหาข้อผิดพลาด แล้วแก้ให้ถูกต้อง

1. I always am happy when I finish work early.

2. Susan has been never to Thailand.

3. Gerald needs to take his medication three times for day.

4. Always I try to arrive at the office before 9am.

5. It doesn’t hardly ever rain in my country.

6. I eat sometimes muesli for breakfast.

7. I always don’t remember my keys when I leave the house.

 (เฉลย)

1. I am always happy when I finish work early.

2. Susan has never been to Thailand.

3. Gerald needs to take his medication three times a day.

4. I always try to arrive at the office before 9a.m.

5. It hardly ever rains in my country.

6. I sometimes eat muesli for breakfast. (Or for emphasis, “Sometimes, I eat muesli for breakfast.” / “I eat muesli for breakfast sometimes.”)

7. I don’t always remember my keys when I leave the house. (Or “I never remember my keys when I leave the house.”)