คุณเคยรู้สึกท้อแท้กับบุพบทภาษาอังกฤษบ้างไหม คนอื่นก็รู้สึกเหมือนคุณ บุพบทสร้างปัญหาให้กับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษาอังกฤษไม่ต่างกัน เพราะไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนว่าทำไมเราจึงใช้บุพบทบางตัวในการพูดถึงเวลาและสถานที่เฉพาะ มันเป็นเรื่องของวิวัฒนาการการใช้ภาษาอังกฤษล้วนๆ
นอกจากนี้ สิ่งที่ดูสมเหตุสมผลในภาษาของคุณอาจฟังดูแปลกเมื่อแปลเป็นภาษาอื่น ในโพสต์นี้ เราจะเริ่มต้นเรียนหลักการพื้นฐานเกี่ยวกับบุพบท in, at และ on รวมถึงเมื่อไรและอย่างไรที่ควรใช้ให้ถูกต้องเมื่อพูดภาษาอังกฤษ ถ้าคุณใช้บุพบทเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง คุณจะฟังดูคล่องแคล่วและมั่นใจมากขึ้นทันทีที่พูดภาษาอังกฤษ
ถ้าคุณยังรู้สึกสับสนหลังจากอ่านบทความในบล็อกนี้ ทำไมไม่ลองขอคำตอบจากครูผู้มากประสบการณ์ใน คอร์สภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่ https://www.britishcouncil.or.th/english-courses/adults ของเราดูล่ะ
In, at on – เมื่อไหร่ที่เราควรใช้บุพบทเหล่านี้ และการใช้บุพบทในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษมีกฎเกณฑ์อะไรบ้าง
คำเล็กๆ สามคำนี้เป็นปัญหาชวนปวดหัวสำหรับผู้เรียนภาษามานักต่อนักแล้ว ในภาษาอังกฤษ เรามักใช้บุพบทเพื่อพูดถึงเวลาและสถานที่ แต่ภาษาต่างๆ ใช้บุพบทในรูปแบบที่แตกต่างกัน ดังนั้นอย่าไปคิดว่า “ฉันจะพูดเรื่องนี้ในภาษาของตัวเองยังไง?” ให้ลองคิดว่า “สถานที่และเวลานี้เป็นการพูดแบบทั่วไปหรือเฉพาะเจาะจง” จะดีกว่า
ถ้าคุณกำลังวางแผนเป็นภาษาอังกฤษ คุณอาจจะพูดบทสนทนาแบบนี้
Shall we go for a meal in the next few days? (เราไปทานอาหารด้วยกันในไม่กี่วันข้างหน้าดีไหม)
Yeah, why don’t we meet on Friday? (ได้เลย ถ้างั้นเอาเป็นวันศุกร์ไหม)
Ok, fine - let’s meet at 8pm on Friday. (โอเค ตกลง งั้นเจอกันตอนสองทุ่มวันศุกร์นะ)
สังเกตว่าในตอนแรก เพื่อนสองคนนี้แค่ตัดสินใจว่าจะเจอกันในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ดังนั้นพวกเขาจึงใช้ in
เมื่อพวกเขาตัดสินใจเลือกวันเวลาที่แน่นอน (โดยระบุรายละเอียดมากขึ้น) พวกเขาจะใช้ on
เมื่อพวกเขาระบุรายละเอียดที่ชัดเจนยิ่งขึ้น (เวลาและวันที่แน่นอน) พวกเขาจะใช้ at
นี่คือตัวอย่างเพิ่มเติม:
IN |
Number of weeks / months /years Parts of days (ช่วงเวลาของวัน) Months (เดือน) Seasons (ฤดูกาล) Years (ปี) Decades (ทศวรรษ) Century (ศตวรรษ) |
3 weeks / 2 years / a month’s time The morning, the afternoon, the evening August, December Summer, winter, autumn, spring 1983, 2018 The 90s, the 1780s, the 2010s (ยุค 90, ยุค 1780, ยุค 2010) The 20th century (ศตวรรษที่ 20) |
ON |
Days (วัน) Special days with “day” Specific dates |
Monday, Friday Christmas Day, New year’s Day April 1st, your birthday, February 8th |
AT |
Times (เวลา) Festivals without “day” |
8pm, 9.45, 10 A.M (20.00 น., 9:45 น., 10:00 น.) Christmas, Easter, Diwali, New Year (คริสต์มาส, อีสเตอร์, ดิวาลี, ปีใหม่) |
ในภาษาอังกฤษ เรายังใช้บุพบทเหล่านี้ในการพูดถึงสถานที่หรือที่ตั้งของสิ่งต่างๆ ด้วย นี่คือ ตัวอย่างบางส่วน:
IN |
City (เมือง) Country (ประเทศ) Continent (ทวีป) Part of a country/ city / region |
Budapest (บูดาเปสต์) France (ฝรั่งเศส) North America (อเมริกาเหนือ) The north / my neighbourhood |
ON |
Streets (ถนน) For specific directions |
Las Ramblas (ลาส รัมบลาส) The corner of Oxford and Regent street |
AT |
Addresses (ที่อยู่) Specific places in a town / city |
13 Blue Street (13 บลูสตรีท) The university / the hospital / the airport |
นอกจากนี้ เรายังใช้ทั้ง on และ in เพื่อพูดถึงการขนส่งและการเดินทาง ซึ่งอาจสร้างความสับสนเล็กน้อย เพราะบุพบทที่ถูกต้องจะขึ้นอยู่กับประเภทของการขนส่งที่คุณกำลังพูดถึง โดยไม่มีหลักการที่ชัดเจนในเรื่องนี้ ทำไมเราถึง get in a taxi (นั่งในรถแท็กซี่) แต่ get on the train (ขึ้นบนรถไฟ) ล่ะ เราคงต้องยอมรับว่าเพราะภาษาอังกฤษมีวิวัฒนาการมาแบบนี้
IN |
ON |
The car (รถยนต์) A taxi (แท็กซี่) |
The train (รถไฟ) The bus (รถบัส) A bike (จักรยาน) A scooter (สกู๊ตเตอร์) A skateboard (สเก็ตบอร์ด) Foot (เท้า) |
ข้อยกเว้นและความแตกต่างเมื่อใช้บุพบทในภาษาอังกฤษ
มีข้อยกเว้นและความแตกต่างมากมายเกี่ยวกับการใช้บุพบท ดังนั้นจึงต้องศึกษาให้ดี และต่อไปนี้คือข้อยกเว้นสำคัญบางส่วน
-
การพูดถึงเวลาระหว่างวัน... แต่ไม่รวมถึงเวลากลางคืน
โดยทั่วไป เมื่อเราพูดถึงช่วงเวลาระหว่างวัน เราจะใช้ in เช่น in the morning (ในตอนเช้า), in the evening (ในตอนเย็น) และ in the afternoon (ในตอนบ่าย) อย่างไรก็ตาม เมื่อเราพูดถึงกลางคืน เรามักจะไม่ใช้ “the” และมักจะพูดว่า at night (ในตอนกลางคืน) แทน แต่มีข้อยกเว้นคือวลี “in the middle of the night” (ในช่วงกลางดึก)
ตัวอย่างเช่น
I prefer to exercise in the afternoon rather than in the morning. At night, I like to watch TV and relax. When I exercise in the afternoon, it energizes me too much! I find I stay awake until the middle of the night. (ฉันชอบออกกำลังกายในตอนบ่ายมากกว่าตอนเช้า ตอนกลางคืนฉันชอบดูทีวีและพักผ่อน เมื่อฉันออกกำลังกายในตอนบ่าย มันทำให้ฉันรู้สึกตื่นตัวมากเกินไป ฉันพบว่าฉันมักจะตื่นจนถึงกลางดึก)
-
การพูดถึงวันสุดสัปดาห์
โดยทั่วไปในสหราชอาณาจักร เราจะพูดว่า “at the weekend” (ในช่วงสุดสัปดาห์) แต่ในภาษาอังกฤษอเมริกัน เรามักจะถามคนอื่นว่า “what are you doing on the weekend?” (คุณกำลังทำอะไรในช่วงสุดสัปดาห์) ดังนั้นทั้งสองแบบนี้ถือว่าใช้ได้หมด
-
การอธิบายเกี่ยวกับสถานที่ที่คุณอยู่
การเลือกใช้บุพบทอาจทำให้ความหมายในประโยคเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ลองเปรียบเทียบ:
a. I’m in the school - there’s a dance concert on (ฉันอยู่ในโรงเรียน - มีคอนเสิร์ตเต้นรำอยู่)
b. I’m at school, studying for my exams. (ฉันอยู่ที่โรงเรียน กำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบ)
c. I’ll see you at school tomorrow. (ฉันจะเจอคุณที่โรงเรียนพรุ่งนี้)
ในประโยค ก. เรานึกออกว่าคนคนนั้นอยู่ภายในตัวอาคารของโรงเรียน (อาจจะอยู่ในห้องจัดคอนเสิร์ต) เช่นเดียวกับการพูดว่า “I’m in the office” หรือ “I’m in the hospital” ซึ่งหมายความว่าคนคนนั้นอยู่ภายในอาคารสำนักงานหรือโรงพยาบาล
ในประโยค ข. ผู้พูดอาจจะอยู่ภายในโรงเรียนก็ได้ แต่ก็อาจกำลังพูดถึงสิ่งที่พวกเขาทำโดยทั่วไปในช่วงเวลานี้ของชีวิต เช่นเดียวกับการที่เราพูดว่า “I study at the University of London.” ในประโยค ค. ผู้พูดใช้คำว่า “at school” เพราะพวกเขากำลังพูดถึงโรงเรียนในฐานะสถาบันที่ผู้คนไปทุกวัน ในภาษาอังกฤษก็มีวลีที่พบได้บ่อยอย่าง “at work” และ “at home” เพราะพวกเขากำลังพูดถึงสถานที่ที่เขาไปทุกวันเช่นกัน
ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ที่พบบ่อยในการใช้ in, at และ on ในภาษาอังกฤษ
ผู้เรียนมักจำสับสนเกี่ยวกับการเลือกใช้คำบุพบท ต่อไปนี้คือลักษณะข้อผิดพลาดที่พบบ่อย:
การใช้ “at” มากเกินไปเมื่อพูดถึงช่วงเวลาระหว่างวัน:
I’ll see you at the morning, at 10 o’clock. (ฉันจะเจอคุณตอนเช้า ตอน 10 โมง) ×
I’ll see you in the morning, at 10 o’clock. (ฉันจะเจอคุณในเวลาเช้า ตอน 10 โมง) ✓
การใช้ “in” สำหรับการเดินทางด้วยการขนส่งทุกประเภท:
I was in the bus when you phoned. (ฉันอยู่ในรถบัสตอนที่คุณโทรมา) ×
I was on the bus when you phoned. (ฉันอยู่บนรถบัสตอนที่คุณโทรมา)✓
การใช้กริยา “arrive” กับ “to”
เราสามารถใช้กริยา at หรือ in ได้ ปกติแล้วเราใช้ at เพื่อพูดถึงสถานที่ (เช่น สนามบิน, สถานี, ธนาคาร ฯลฯ) และใช้ in เพื่อพูดถึงเมืองหรือประเทศ แต่ในภาษาอังกฤษ เราไม่ใช้ arrive กับคำบุพบท to
We arrived to Paris at 8pm (เรามาถึงที่ปารีสตอนสองทุ่ม) ×
We arrived in Paris at 8pm. (เรามาถึงในปารีสตอนสองทุ่ม) ✓
I arrived to the bank just as it opened. (ฉันมาถึงตอนธนาคารเปิดพอดี) ×
I arrived at the bank just as it opened. (ฉันมาถึงตอนที่ธนาคารเปิดพอดี) ✓
โปรดจำไว้ว่าคำว่า to ในที่นี้เป็นบุพบท ไม่ใช่ infinitive (รูปของกริยาที่ยังไม่ได้ผัน) คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รูปของกริยาที่ยังไม่ได้ผันและเมื่อใดที่ควรใช้ได้ที่นี่
ตัวอย่างที่มีชื่อเสียงของการใช้ at, in, on ในเพลงยอดนิยม
คุณสามารถหาตัวอย่างการใช้บุพบทเหล่านี้ได้ในชื่อภาพยนตร์และเพลงยอดนิยมหลายร้อยชื่อ
Weekend at Bernie’s คือภาพยนตร์คลาสสิกยุค 80 (จากปี 1989) เกี่ยวกับเซลส์แมนหนุ่มสองคนที่ใช้เวลาสุดสัปดาห์ที่บ้านของเจ้านาย แต่มีจุดหักมุมที่ไม่ธรรมดาคือ เมื่อไปถึงที่นั่น พวกเขากลับพบว่า Bernie เจ้านายของพวกเขาไม่ได้มีชีวิตอยู่จริงๆ
Love in a foreign place เป็นเพลงฮิตของวงป๊อป Gossip ซึ่งเต็มไปด้วยคำบุพบทมากมาย เมื่อนักร้องบรรยายการเดินทางของเธอในค่ำคืนแห่งการเริงราตรี
Sitting on a dock of a bay เป็นเพลงสุดฮิตของ Otis Redding ในปี 1967 เมื่อเขาร้องเพลงอย่างผ่อนคลายเกี่ยวกับการนั่งมองกระแสน้ำขึ้นลงขณะที่เรือแล่นเข้ามา
แบบทดสอบย่อย
คุณสามารถหาข้อผิดพลาดในประโยคเหล่านี้และแก้ไขได้หรือไม่
-
Brian arrived to the office late again - his boss is not happy.
-
I’m going to Berlin in the bus - it’s going to take 12 hours.
-
I like to go running in the night, just before I have dinner.
-
I think we are going to stay at home on Christmas this year.
-
Let’s meet at my house, in 26 Oxford Road.
Answers:
-
Brian arrived at the office late again - his boss is not happy.
-
I’m going to Berlin on the bus - it’s going to take 12 hours.
-
I like to go running at night, just before I have dinner.
-
I think we are going to stay at home at Christmas this year.
-
Let’s meet at my house, at 26 Oxford Road.