By Anne W

10 Dec 2024 - 00:51

ผู้ใหญ่ศึกษาไวยากรณ์ในชั้นเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่ที่ British Council

เราใช้ ‘reported speech’ เมื่อไหร่ในชีวิตประจำวัน

เราจะใช้ ‘reported speech’ (หรือที่เรียกว่า indirect speech) เมื่อเราจำเป็นต้องบอกใครสักคนเกี่ยวกับสิ่งที่คนอื่นพูด แต่ไม่ใช่การใช้คำพูดตรงๆ ของพวกเขา ซึ่งเหมือนกับการที่คุณรายงานสิ่งที่คนอื่นพูด แต่คุณกำลังพูดใหม่ในแบบของตัวเอง ตัวอย่างเช่น:

She said she was coming to class (เธอบอกว่าเธอกำลังจะมาที่ชั้นเรียน)

I told you earlier that I would not be able to come. (ก่อนหน้านี้ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันมาไม่ได้)

You said yesterday that you would help me! (เมื่อวานนี้คุณบอกว่าคุณจะช่วยฉัน)

‘reported speech’ มีกฎการใช้ในภาษาอังกฤษอย่างไรบ้าง

คุณจะสังเกตเห็นจุดแตกต่างสองจุดในตัวอย่างด้านล่างนี้:

Direct speech (การยกเอาคำพูดคนอื่นมาพูดแบบตรงๆ): 
“I am happy to drive you to the airport.”
(ฉันยินดีที่จะขับรถไปส่งคุณที่สนามบิน)

Reported หรือ Indirect speech (การนำคำพูดของคนอื่นไปเล่าต่อ):
“She said she was happy to drive me to the airport.”
(เธอบอกว่าเธอยินดีที่จะขับรถไปส่งฉันที่สนามบิน)

  1. คำสรรพนามจะเปลี่ยนไปตามบุคคลที่เป็นผู้พูด 2. รูปกริยาจะผันไปตามช่วงเวลาที่เรากำลังพูดถึง ซึ่งโดยปกติแล้ว รูปกริยาจะผันกลับไปเป็นช่วงอดีต ในตัวอย่างข้างต้น รูปกริยาจะผันจาก present simple (ปัจจุบันกาลธรรมดา) เป็น past simple (อดีตกาลธรรมดา)

แล้วเราจะแสดง ‘reported speech’ อย่างไร เมื่อคำนึงถึงการผันรูปกริยา ตารางด้านล่างนี้จะแสดงตัวอย่างประกอบ

ถ้าคุณมีคำถามเพิ่มเติม ทำไมไม่ลองเข้าคอร์สภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่ดูล่ะ คุณสามารถขอให้ครูผู้มีประสบการณ์แชร์ตัวอย่างให้ดูได้นะ ที่นี่เรามีคอร์สมากมายให้เรียนรู้ https://www.britishcouncil.or.th/english-courses/adults

Direct speech (present simple)
(ปัจจุบันกาลธรรมดา)

Reported speech (past simple)
(อดีตกาลธรรมดา)

I know what to do.
(ฉันรู้ว่าต้องทำอะไร)

She said she knew what to do.
(เธอบอกว่าเธอรู้ว่าต้องทำอะไร)

I don’t know what to do.
(ฉันไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี)

She said she didn’t know what to do.
(เธอบอกว่าเธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี)

Do you know what to do?
(คุณรู้ไหมว่าจะทำอะไร)

She asked me if I knew what to do.*
(เธอถามฉันว่าฉันรู้ไหมว่าจะทำอะไร)

* ให้สังเกตการใช้คำว่า if ในประโยคคำถาม ใช่/ไม่ใช่ ที่เป็นการนำคำพูดของคนอื่นไปเล่าต่อ

Direct speech (Present Continuous)
(ปัจจุบันกาลกำลังกระทำอยู่)

Reported speech (Past continuous)
(อดีตกาลกำลังกระทำอยู่)

I’m working on it this week.
(ฉันกำลังแก้ไขอยู่ในสัปดาห์นี้)

He said he was working on it this week.*
(เขาบอกว่าเขากำลังแก้ไขอยู่ในสัปดาห์นี้)

I’m not working on it this week.
(ฉันไม่ได้กำลังแก้ไขอยู่ในสัปดาห์นี้)

He said he wasn’t working on it this week.
(เขาบอกว่าเขาไม่ได้กำลังแก้ไขอยู่ในสัปดาห์นี้)

Are you working on it this week?
(คุณกำลังแก้ไขอยู่ในสัปดาห์นี้รึปล่าว)

He asked if I was working on it this week.
(เขาถามว่าฉันกำลังแก้ไขอยู่ในสัปดาห์นี้รึปล่าว)

*ดูการอ้างอิงถึงช่วงเวลาต่างๆ ที่ด้านล่าง 

Direct speech (present perfect)
(ปัจจุบันกาลสมบูรณ์)

Reported speech (past perfect)
(อดีตกาลสมบูรณ์)

I’ve finished my lunch.
(ฉันกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว)

She said she had finished her lunch.
(เธอบอกว่าเธอกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว)

I haven’t finished my lunch.
(ฉันยังกินอาหารกลางวันไม่เสร็จ)

She said she had finished her lunch.
(เธอบอกว่าเธอกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว)

Have you finished your lunch?
(คุณกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วหรือยัง)

She asked if I had finished my lunch.
(เธอถามว่าฉันกินอาหารกลางวันเสร็จแล้วหรือยัง)

Direct speech (present perfect continuous)
(ปัจจุบันกาลสมบูรณ์แต่กำลังกระทำอยู่)

Reported speech (past perfect continuous)
(อดีตกาลสมบูรณ์แต่กำลังกระทำอยู่)

I’ve been listening to the news.
(ฉันยังกำลังฟังข่าวอยู่)

He said he had been listening to the news.
(เขาบอกว่าเขายังกำลังฟังข่าวอยู่)

I haven’t been listening to the news.
(ฉันยังไม่ได้กำลังฟังข่าวอยู่)

He said he hadn’t been listening to the news. (เขาบอกว่าเขายังไม่ได้กำลังฟังข่าวอยู่)

Have you been listening to the news?
(คุณยังกำลังฟังข่าวอยู่หรือเปล่า)

He asked if I had been listening to the news.
(เขาถามว่าฉันยังกำลังฟังข่าวอยู่หรือเปล่า)

Direct speech (will) (จะ)

Reported speech (would) (จะ)

I’ll finish the report in time.
(ฉันจะทำรายงานให้เสร็จทันเวลา)

She said she would finish the report on time.
(เธอบอกว่าเธอจะทำรายงานให้เสร็จทันเวลา)

I won’t finish the report on time.
(ฉันจะทำรายงานไม่เสร็จทันเวลา)

She said she wouldn’t finish the report on time.
(เธอบอกว่าเธอจะทำรายงานไม่เสร็จทันเวลา)

Will you finish the report in time?
(คุณจะทำรายงานเสร็จทันเวลาหรือเปล่า)

She asked if I would finish the report on time. (เธอถามว่าฉันจะทำรายงานเสร็จทันเวลาหรือเปล่า)

Direct speech (past simple) (อดีตกาลธรรมดา)

Reported speech (past perfect) (อดีตกาลสมบูรณ์)

I did the training at the same time as Carol.
(ฉันฝึกอบรมพร้อมกับ Carol แล้ว)

She said she had done the training at the same time as Carol.
(เธอบอกว่าเธอฝึกอบรมพร้อมกับ Carol แล้ว)

I didn’t do the training at the same time as Carol.
(ฉันไม่ได้ฝึกอบรมพร้อมกับ Carol)

She said she hadn’t done the training at the same time as Carol.
(เธอบอกว่าเธอไม่ได้ฝึกอบรมพร้อมกับ Carol)

Did you do the training at the same time as Carol. (คุณได้ฝึกอบรมพร้อมกับ Carol หรือเปล่า)

She asked if I had done the training at the same time as Carol.
(เธอถามว่าฉันได้ฝึกอบรมพร้อมกับ Carol หรือเปล่า)

Direct speech (past continuous)
(อดีตกาลกำลังกระทำอยู่)

Reported speech (past perfect continuous)
(อดีตกาลสมบูรณ์แต่กำลังกระทำอยู่)

I was staying at my sister’s place.
(ฉันกำลังพักอยู่ที่บ้านของน้องสาว)

He said he had been staying at his sister’s place.
(เขาบอกว่าเขาได้พักอยู่ที่บ้านของน้องสาว)

I wasn’t staying at my sister’s place.
(ฉันไม่ได้กำลังพักอยู่ที่บ้านของน้องสาว)

He said he hadn’t been staying at his sister’s place.
(เขาบอกว่าเขาไม่ได้พักอยู่ที่บ้านของน้องสาว)

Were you staying at your sister’s place?
(คุณกำลังพักอยู่ที่บ้านของน้องสาวหรือเปล่า)

He asked if I had been staying at my sister’s place
(เขาถามว่าฉันได้พักอยู่ที่บ้านของน้องสาวหรือเปล่า)

วิธีใช้ ‘reported speech’ ใน Past Perfect Tense ในภาษาอังกฤษ

จะไม่มีการผันรูปใน Tense (กาล) ได้หากคำพูดต้นฉบับอยู่ในรูป Past Perfect เพราะเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้อีก แต่จะมีการผันรูปเฉพาะบุรุษสรรพนามเท่านั้นดังนี้

I had already left when you arrived. (ฉันได้ออกไปแล้วเมื่อคุณมาถึง)
She said she had already left when I arrived. (เธอบอกว่าเธอได้ออกไปแล้วเมื่อฉันมาถึง)

แล้วถ้า ‘reported speech’ เกี่ยวข้องกับช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งล่ะ

บางที ‘reported speech’ อาจจะพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้ ซึ่งอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงช่วงเวลาเช่นกัน โปรดดูตัวอย่างเหล่านี้;

I’ll do it today.
(ฉันจะทำมันวันนี้)

She said she would do it that day.* 

(เธอบอกว่าเธอจะทำมันในวันนั้น)

I’ll do it this week. 

(ฉันจะทำมันสัปดาห์นี้)

He said he would do it that week.

(เขาบอกว่าเขาจะทำมันในสัปดาห์นั้น)

I’ll do it tomorrow.

 (ฉันจะทำมันพรุ่งนี้)

She said she would do it the next day. 

(เธอบอกว่าเธอจะทำมันในวันถัดไป)

or (หรือ)

She said she would do it the following day. 

(เธอบอกว่าเธอจะทำมันในวันถัดมา)

I’ll do it next week. 

(ฉันจะทำมันสัปดาห์หน้า)

He said he would do it the next week.

 (เขาบอกว่าเขาจะทำมันในสัปดาห์ถัดไป)

or (หรือ)

He said he would do it the following week. 

(เขาบอกว่าเขาจะทำมันในสัปดาห์ถัดมา)

I did it yesterday.

 (ฉันทำมันแล้วเมื่อวานนี้) 

She said she had done it the day before. 

(เธอบอกว่าเธอทำมันไปแล้วเมื่อวันก่อน)

I did it last week.

 (ฉันทำมันสัปดาห์ที่แล้ว) 

He said he had done it the previous week.

 (เขาบอกว่าเขาทำมันไปแล้วในสัปดาห์ก่อน)

I’m not available now. 

(ฉันไม่ว่างตอนนี้)

She said she wasn’t available at the time.

 (เธอบอกว่าเธอไม่ว่างในตอนนั้น)

I’ve never been here before. 

(ฉันไม่เคยมาที่นี่มาก่อน)

He said he had never been there before. 

(เขาบอกว่าเขาไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน)

*ถ้าช่วงเวลาหรือสถานที่ยังคงเหมือนเดิมกับตอนนี้ เราก็ไม่จำเป็นต้องทำการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ตัวอย่างเช่น คุณกำลังรายงานในวันนี้เกี่ยวกับสิ่งที่เพื่อนของคุณต้องทำในวันนี้เช่นกัน

I’ll do it today (ฉันจะทำมันวันนี้)

She said she would do it today. (เธอบอกว่าเธอจะทำมันวันนี้)

ข้อยกเว้นในการใช้ ‘reported speech’ ในภาษาอังกฤษ เช่น กริยาช่วย

การใช้กริยาช่วยกับ ‘reported speech’

อาจจะยากสักหน่อยในการปรับกริยาช่วยให้เข้ากับเวลาในอดีต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ “รูปอดีต” ของกริยาช่วยหลายตัวมักใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์ปัจจุบัน โดยปกติจะใช้เพื่อความสุภาพหรือในสถานการณ์สมมติ สำหรับเจ้าของภาษาแล้ว กริยาช่วยฟังดูไม่ก้าวร้าวและมีความสุภาพมากกว่า 

I will be a bit late. 

(ฉันจะมาช้าหน่อยนะ)

He said he would be a bit late 

(เขาบอกว่าเขาจะมาช้าหน่อยนะ)

I can help you with the party.

 (ฉันสามารถช่วยคุณจัดงานปาร์ตี้ได้)

She said she could help me with the party. 

(เธอบอกว่าเธอสามารถช่วยฉันจัดงานปาร์ตี้ได้)

You must be at the station by 10:00 

(คุณต้องถึงสถานีให้ได้ภายใน 10:00 น.)

He said I had to be at the station by 10:00 

(เขาบอกว่าฉันต้องถึงสถานีให้ได้ภายใน 10:00 น.)

Shall we leave? 

(เราจะออกไปดีไหม)

She asked if they should leave.

 (เธอถามว่าพวกเขาควรออกไปหรือเปล่า)

Would you like a coffee? 

(คุณต้องการกาแฟสักถ้วยไหม)

He asked if I would like a coffee. 

(เขาถามว่าฉันต้องการกาแฟสักถ้วยไหม)

Could I leave early today?

 (วันนี้ฉันขอออกก่อนเวลาได้ไหม)

She asked if she could leave early today

 (เธอถามว่าวันนี้เธอขอออกก่อนเวลาได้หรือเปล่า)

Should I call head office?

 (ฉันควรโทรไปที่สำนักงานใหญ่ไหม)

She asked if she should call head office. 

(เธอถามว่าเธอควรโทรไปที่สำนักงานใหญ่ไหม)


วิธีการใช้ ‘reported speech’ โดยยังคงอยู่ในรูปปัจจุบัน

ในภาษาอังกฤษ เรามักคงกริยาไว้ในรูปปัจจุบันหากข้อความนั้นยังคงเป็นจริงอยู่ ตัวอย่างเช่น:

She has a headache. (เธอปวดหัว)

I told you she has a headache! (ฉันบอกคุณแล้วว่าเธอปวดหัว)

(5 นาทีต่อมา ถ้าอีกฝ่ายยังคงขึ้นเสียงอยู่นะ)

I’m staying at my mother’s. (ฉันพักอยู่ที่บ้านแม่)

He said he is staying at his mother’s. (เขาบอกว่าเขากำลังพักอยู่ที่บ้านแม่) 

(ถ้าเขายังคงพักอยู่ที่บ้านแม่ของเขาในตอนนี้นะ)

I love chocolate. (ฉันชอบช็อกโกแลต)

She said she loves chocolate (เธอบอกว่าเธอชอบช็อกโกแลต) 

(เราสามารถถือได้ว่านี่เป็นคำพูดที่เป็นจริงตลอดไป)

วิธีใช้ Said และ Told ใน ‘reported speech’ ในภาษาอังกฤษ

ตัวอย่างทั้งหมดข้างต้นใช้ said, หรือ asked สำหรับคำถาม แต่ถ้าเราต้องการระบุบุคคลที่กล่าวถึง เรามักจะใช้คำว่า told:

 

I’ll be at work early. (ฉันจะไปที่ทำงานแต่เช้า)

She said to me that she would be at work early. (เธอบอกฉันว่าเธอจะไปที่ทำงานแต่เช้า)

 

ข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ที่พบได้บ่อยในการใช้ ‘reported speech’ ในภาษาอังกฤษ

 

กริยาก่อนประธาน

ข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยเมื่อนำคำพูดของคนอื่นไปเล่าต่อในประโยคคำถามคือการวางสลับตำแหน่งกริยากับประธานดังนี้

She asked did I know what to do. (เธอถามว่ารู้ฉันไหมว่าต้องทำอะไร) x

แต่ในความเป็นจริง ‘reported speech’ เป็นประโยคบอกเล่า จึงควรใช้ลำดับประธาน-กริยาดังนี้

She asked if I knew what to do. ✓

นี่เป็นข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยในคำถามประเภท what, where, when ด้วยเช่นกัน:

He asked where was the exit. (เขาถามว่าที่ไหนคือทางออก) x

He asked where the exit was. (เขาถามว่าทางออกอยู่ที่ไหน) ✓

 

การใช้ Said แทน Told

อีกข้อผิดพลาดหนึ่งที่พบได้บ่อยคือความสับสนระหว่าง said และ told, นักเรียนวัยผู้ใหญ่ที่เรียนภาษาอังกฤษมักจะพูดประโยคแบบนี้

She said me she was coming. x

แทนที่จะพูดว่า

She told me she was coming. ✓

 

ตัวอย่างการใช้ ‘reported speech’ ในเพลงภาษาอังกฤษ

รู้จักเพลงของวง The Killers ที่ชื่อว่า “ ไหม  มีท่อนหนึ่งร้องว่า

Well, somebody told me you had a boyfriend (เอ่อ มีคนบอกฉันว่าคุณมีแฟน) 

Who looked like a girlfriend (ที่หน้าตาเหมือนกับแฟนสาว)

That I had in February of last year (ซึ่งฉันเคยคบในเดือนกุมภาพันธ์เมื่อปีที่แล้ว)

แบบทดสอบย่อย

หาจุดผิดในประโยคทั้งห้านี้ แล้วเลื่อนลงไปดูคำตอบ

  1. He asked how was the meeting.

  2. She told to me the answers.

  3. They asked us had we seen the accident.

  4. She asked what was our homework.

  5. Somebody said me you had a boyfriend who looked like a girlfriend that I had in February of last year

Answers

  1. He asked how the meeting was.

  2. She told me the answers.

  3. They asked us if we had seen the accident.

  4. She asked what our homework was.

  5. Somebody told me you had a boyfriend who looked like a girlfriend that I had in February of last year