นักฝันจากทุกแห่งหนรักประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบที่สอง เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เพราะเงื่อนไขที่สองหมายถึงสถานการณ์ในจินตนาการ ตัวอย่างเช่น If I had a million dollars, I’d buy a mansion. (หากฉันมีเงินหนึ่งล้านดอลลาร์ ฉันจะซื้อคฤหาสน์) มาปลดล็อกพลังของคำว่า 'หาก' ด้วยคำแนะนำที่ใช้ได้จริงเกี่ยวกับประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบที่สอง
มาทวนความจำกันด้วยประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบแรก ซึ่งคือ โครงสร้างไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ ที่เราใช้พูดเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นไปได้และอาจเกิดขึ้นได้ในอนาคตหากตรงตามเงื่อนไขบางประการ
โครงสร้างประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบแรกในภาษาอังกฤษแรก:
If + present simple, will + base verb
ตัวอย่างเช่น
-
If it rains, we will stay inside. (หากฝนตก เราจะอยู่บ้าน)
-
If we get a house with a garden, we can get a pet cat. (หากเรามีบ้านพร้อมสวน เราก็เลี้ยงแมวได้)
-
If you call me, I will answer. (ถ้าคุณโทรหาฉัน ฉันจะรับสาย)
ประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบที่สอง
ประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบที่สองบอกเล่าเกี่ยวกับจินตนาการหรือสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ รวมถึงผลที่ตามมาของสถานการณ์ในจินตนาการเหล่านั้นว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคต
โครงสร้างของประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบที่สองในภาษาอังกฤษ:
If + past simple, would + base verb
ตัวอย่างเช่น
-
If she were taller, she would play basketball. (ถ้าเธอสูงกว่านี้ เธอคงจะเล่นบาสเก็ตบอล)
-
If I knew the answer, I would tell you. (ถ้าฉันรู้คำตอบ ฉันคงจะบอกคุณไปแล้ว)
เคล็ดลับไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอย่างง่าย:
ประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบแรก = จริงและเป็นไปได้
ประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบที่สอง = เรื่องในจินตนาการหรือไม่น่าเป็นไปได้ ไม่ค่อยแน่ใจในผลลัพธ์
เคล็ดลับง่ายๆ อีกข้อหนึ่งก็คือเข้าเรียนคอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่! ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษอาจประหลาดสักหน่อย แต่ครูสามารถตอบคำถามของคุณได้อย่างตรงจุด ค้นหาหคอร์สเรียนภาษาอังกฤษสำหรับผู้ใหญ่ได้ที่นี่
กฎไวยากรณ์ภาษาอังกฤษสำหรับประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบที่สองคืออะไร
ประโยคแสดงความเป็นเงื่อนไขรูปแบบที่สองในภาษาอังกฤษมีสองอนุประโยค อนุประโยค 'if' (เงื่อนไข) และอนุประโยคใจความหลัก
ตารางนี้แสดงโครงสร้างที่คุณใช้:
|
'If' clause
|
main clause |
Structure |
If + past simple / past continuous
|
subject + would / wouldn't + verb |
positive sentence
|
If I had more real friends, |
I wouldn’t spend so much time on social media.
|
Negative sentence
|
If I didn't eat meat, |
I'd be a lot healthier |
Question
|
If I invited you to a party, |
would you come? |
ประเภทของประโยคแสดงเงื่อนไขรูปแบบที่สองในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
คุณยังสามารถใช้ประโยคแสดงเงื่อนไขรูปแบบที่สองเพื่อแสดงผลลัพธ์ในอนาคตที่มีโอกาสเกิดขึ้นน้อย ดูสองประโยคเหล่านี้:
First Conditional: If I get that job, I'll move to Toronto.
Second Conditional: If I got that job, I'd move to Toronto.
ทั้งสองประโยคบอกถึงความหมายที่คล้ายคลึงกัน แต่ในประโยคที่หนึ่งผู้พูดมีความมั่นใจมากกว่าว่าจะได้งาน ในประโยคที่สอง พวกเขาไม่แน่ใจ.... บางทีพวกเขาอาจยังไม่ได้สมัครด้วยซ้ำ บางทีพวกเขาอาจฝันกลางวันเกี่ยวกับการได้งานที่ทำให้พวกเขาได้เดินทางก็เป็นได้
เนื่องจากประโยคแสดงเงื่อนไขรูปแบบที่สองของภาษาอังกฤษกำลังพูดถึงสถานการณ์ที่ไม่จริง เราจึงมักใช้คำกริยา to be ในรูป were แทน was แม้ว่าเราจะเป็นบุรุษที่หนึ่งและบุุรุษที่สามก็ตาม:
ตัวอย่างเช่น
If I were less worried about the future, I'd enjoy life more.
If he were more careful, he wouldn't make so many mistakes.
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ could or might ในอนุประโยคใจความหลักแทน would or wouldn't ด้วยก็ได้ แต่คำพูดเหล่านี้แสดงออกถึงความแน่นอนน้อยกว่า ดังนั้นคุณจึงใช้ could or might เมื่อคุณต้องการพูดถึงบางสิ่งที่เป็นไปได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นจริง
ตัวอย่างเช่น
If I knew all the answers, I could easily pass the exam.
If he listened more, he might learn something new.
ดังเช่นประโยคแสดงเงื่อนไขทั้งหมด อนุประโยค 'if' (เงื่อนไข) และอนุประโยค 'main' (ใจความหลัก) สามารถวางในลำดับใดก็ได้ แต่เมื่ออนุประโยค 'เงื่อนไข' มาก่อน เราจะใช้เครื่องหมายจุลภาคเพื่อแยกสองอนุประโยค
ตัวอย่างเช่น
If John were here, I'd tell him exactly what I think of him.
I'd tell John exactly what I think of him if he were here.
ข้อผิดพลาดทั่วไปในการใช้ประโยคแสดงเงื่อนไขรูปแบบที่สอง
ข้อผิดพลาดทั่วไปคือเกิดความสับสนระหว่างสองอนุประโยค รวมถึงใช้กาลในภาษาอังกฤษไม่ถูกต้อง
ตัวอย่างเช่น
I didn’t eat that if I were you. X
I wouldn’t eat that if I were you.✓
ก็เช่นเดียวกับตอนที่เราพูดภาษาอังกฤษ เรามักจะใช้การย่อคำเมื่อเราเขียนประโยคแสดงเงื่อนไข
ตัวอย่างเช่น:
If John had grown up here, he’d speak perfect Thai. (He would. Contraction = he’d
If I’d taken that job in the bank, I’d be richer now. (I would. Contraction = I’d)
นักเรียนที่เป็นผู้ใหญ่ของฉันมักจะถามว่าคุณจะบอกได้อย่างไรว่า 'd หมายถึง ‘had’ (มี) หรือ ‘would’ (จะ) ซึ่งเป็นคำถามที่ดี คำตอบก็คือ ให้ดูจากบริบท เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะพูดว่า: ‘He had speak perfect Thai’, เพราะหลังกริยาช่วย had เราต้องใช้ Past Participle ดังนั้นจึงใช้ได้แค่ ‘would’ เท่านั้น
โปรดจำไว้ว่าเราไม่เคยใช้ 'to' หลังคำกริยา เช่น could or might
ตัวอย่างเช่น
If I cooked, you wouldn’t to enjoy it. X
If I cooked, you wouldn’t enjoy it. ✓
ตัวอย่างดังๆ ของประโยคแสดงเงื่อนไขรูปแบบที่สองจากภาพยนตร์และดนตรี
เพลง ภาพยนตร์ และนวนิยายหลายเรื่องใช้ประโยคแสดงเงื่อนไขรูปแบบที่สอง เพราะศิลปินชอบฝันถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้น ในโลกที่แตกต่าง!
เพลงฮิตของ Beyonce ในปี 2008 ชื่อเพลง 'If I were a boy' ทำให้เธอได้จินตนาการว่าชีวิตของเธอจะเป็นอย่างไรถ้าเธอเป็นเพศตรงข้าม เธอสรุปว่าประสบการณ์การเป็นผู้หญิงของเธอจะทำให้เธอ 'เป็นผู้ชายที่ดีกว่า' ผู้ชายส่วนใหญ่
ในปี 2006 ทุกครั้งที่คุณเปิดวิทยุ คุณจะได้ยินเพลงติดหูของ Peter, Bjorn และ John ชื่อเพลง 'Young Folks' ที่ถามว่า 'If you knew my story word for word...would you go along with me?'
ในหนังสือและภาพยนตร์ไตรภาคยอดนิยมเรื่อง "The Hunger Games" นางเอก Katniss บอกศัตรูของเธอว่าอย่าโจมตี เพราะกลุ่มกบฎของเธอจะสู้กลับ เธอเตือนแคปิตอลว่า "If we burn, you will burn with us!"
แบบทดสอบย่อย
แต่ละประโยคเหล่านี้มีข้อผิดพลาด คุณหาข้อผิดพลาดและแก้ไขได้หรือไม่
-
If I was taller, I’d be a basketball player.
-
If John would ask you on a date, would you go?
-
If Brian won the competition, he had be very happy.
-
If I were you, I’d to go to Barcelona in the Spring - the weather is much nicer.
-
I wouldn’t do maths at school unless I didn’t have to.
Answers:
-
If I were taller, I’d be a basketball player.
-
If John asked you on a date, would you go?
-
If Brian won the competition, he would be very happy.
-
If I were you, I’d go to Barcelona in the Spring - the weather is much nicer.
-
I wouldn’t do maths at school unless I had to.