วิธีเปลี่ยนคำที่จะทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนเวลาสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ

การสื่อสารนั้นสามารถส่งผ่านและถ่ายทอดอารมณ์ผ่านตัวอักษรได้ โดยเฉพาะความรู้สึกที่เมื่อผู้รับสารหรือผู้อ่านนั้นได้อ่านสารนั้น ตีความ และรู้สึกแย่เพียงเพราะคำที่บางครั้งดูแล้วอาจจะแรงหรือกระทบกระเทือนจิตใจ ดังนั้นวันนี้ บริติช เคานซิล เลยพาคุณมาเรียนรู้วิธีเปลี่ยนคำ และทำการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาแต่แฝงด้วยความอ่อนโยนที่จะทำให้ผู้อ่านรู้สึกยินดี พอใจ และคล้อยตามเพียงเพราะระดับความรู้สึกของผู้อ่านที่ได้อ่านคำต่าง ๆ เหล่านั้น ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเปลี่ยนคำที่จะทำให้ความรู้สึกเปลี่ยนเวลาสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษกันได้เลย

1) เมื่อจะทำการแจ้งหรือบอกถึงปัญหาหรือสถานการณ์บางอย่างที่ไม่ดี

ส่วนใหญ่แล้วในการสื่อสารเชิงธุรกิจคนส่วนใหญ่มักจะทำการสื่อสารโดยใช้คำว่า Crisis เมื่อเกิดปัญหาหรือสถานการณ์ที่ไม่ดี แต่คุณรู้หรือไม่ว่าคำว่า Crisis นั้นมักจะถูกตีความไปในเชิงแง่ลบ เข้าขั้นวิกฤตเลย ดังนั้นหากคุณไม่แน่ใจในเรื่องของระดับของปัญหาก็ให้ใช้คำว่า issue หรือ situation ไปก่อนจนคุณทำการพูดคุยให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงระดับของปัญหาแล้วก็เริ่มอธิบายหรือเพิ่มระดับความหนักของคำไปจนถึง Crisis แทน

2) ปฏิเสธอย่างไรไม่ให้เสียน้ำใจทั้งสองฝ่าย

การสื่อสารก็เรียกได้ว่าเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์เลยก็ว่าได้เพราะว่าคุณจำเป็นต้องสื่อสารให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น หากการที่คุณทำการสื่อสารแล้วกระทบต่อจิตใจของอีกฝ่ายแล้วก็ย่อมจะทำให้เกิดปัญหาอย่างแน่นอน ดังนั้นวิธีการปฏิเสธนั้น คุณควรที่จะใช้คำว่า Decline แทนที่จะใช้คำว่า Refuse แทน 

3) การป้องกันนั้นย่อมดีกว่าการแก้ไขและสิ่งที่ควรทำคือการสื่อสารอย่างชัดเจนโดยไม่ใช้คำที่คลุมเคลือ

ดังนั้นคำว่า Preclude จึงไม่นิยมนำมาใช้ในการสื่อสารเชิงธุรกิจเพราะเป็นคำที่ไม่คุ้นเคย คุณจึงควรใช้คำว่า Prevent แทนซึ่งก็มีความหมายเดียวกันคือแปลว่าการป้องกัน 

4) การเลื่อนหรือการมาสายนั้นอาจจะใช้ได้อย่างตรงไปตรงมาในบางกรณีเท่านั้น

แต่ถ้าหากคุณกังวลว่าการสื่อสารของคุณนั้นอาจจะกระทบกระเทือนจิตใจของผู้รับสารแล้ว คุณควรที่จะสื่อสารโดยใช้ในรูปแบบของประโยคก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งแทนคำว่า Delay เช่น  It will now not be available until ...

5) ความเสี่ยงนั้นมีโดยทั่วไปในเชิงธุรกิจ ถ้าไม่เสี่ยงนั้นแปลว่าเสี่ยงยิ่งกว่า

ดังนั้นคำว่า High risk นั้นหากคุณต้องการที่จะพูดปัดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในเชิงที่ว่าการสื่อสารนั้นไม่เป็นไปตามสมควรแล้วนั้น คุณจึงควรปรับเป็นประโยคว่า It does not satisfy our current criteria. เป็นต้น

6) ต่ำกว่ามาตรฐานหรือยังไม่ดีพอนั้น อาจแปลได้หลายความหมาย

ดังนั้นจึงควรทำการสื่อสารให้ชัดเจนเพราะคำว่า Not good enough หรือ Inferior นั้นเป็นคำที่คลุมเคลือและอาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในการสื่อสารได้คุณอาจสื่อสารเป็นประโยคเช่น It does not match our requirements.

ทั้ง 6 คำและประโยคข้างต้นนั้นเป็นส่วนหนึ่งในการปรับการสื่อสารให้ผู้อ่านนั้นเข้าใจเนื้อหา และความหมายที่คุณต้องการที่จะสื่อสารเพื่อผู้อ่านนั้นทำตามจุดประสงค์ และเป้าหมายของคุณได้ ดังนั้นลองปรับดูระหว่างการสื่อสารแบบตรงไปตรงมาและการสื่อสารโดยใช้ประโยคหรือทำที่ดูแล้วมีความอ่อนลง เพราะผู้รับสารนั้นมีความต่างและไม่เหมือนกัน

หากคุณอยากทราบวิธีการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพรวมทั้งฝึกการพูดให้ได้ดั่งใจ คอร์สเรียน myClass คือหนึ่งคอร์สเรียนที่จะช่วยให้คุณสามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอนครบทั้ง 4 ทักษะ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอร์สพร้อมทดลองสอบวัดระดับได้ที่นี่

See also